นิวส์ ออฟ เดอะ เวิลด์ ฉบับอำลาวงการ |
เพื่อนรัก...อดีตนักข่าวบีบีซีภาคภาษาไทยกลับมาเยี่ยมบ้านเมื่อสองสัปดาห์ก่อน
พร้อมกับของฝากล้ำค่าแห่งประวัติศาสตร์วงการหนังสือพิมพ์ระดับโลก
หนังสือพิมพ์ “News
of the World” ฉบับสุดท้าย ซึ่งวางแผงไปเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2554
(July,10 2011)
หลังจากที่มีอายุยาวนานมากว่า 168 ปี!
เป็นชีวิตที่ยืนยาวอย่างยิ่งของหนังสือพิมพ์เล่มหนึ่ง
เพื่อนบอกว่าวิ่งหาซื้อมันแทบตายในวันสุดท้ายที่หนังสือขุดหลุมฝังศพตัวเอง
แต่ได้มาแค่ 2 เล่ม เพราะแผงหนังสือกำหนดโควต้าให้ลูกค้าซื้อได้เพียง 1 เล่มต่อ
1คนเท่านั้น
ตำนาน 168 ปีของสิ่งพิมพ์ฉบับหนึ่งที่พิมพ์ต่อเนื่องกันมา 8,674 เล่ม
ปิดลงอย่างถาวรพร้อมกับยอดคนอ่าน 7.5 ล้านคน
เป็นเรื่องแสนเศร้าสำหรับแฟนหนังสือและเจ้าของกิจการคือ รูเพิร์ต เมอร์ด็อค( Rupert Murdoch) เจ้าพ่อสิ่งพิมพ์ตัวเอ้ระดับ “ดอน”
ของวงการสื่อโลกที่จะต้องโละทิ้งตำนานการทำกำไรอย่างงดงามให้แก่ธุรกิจด้านหนังสือพิมพ์ในอังกฤษของเขา
นิวส์ ออฟ เดอะ เวิลด์ เป็นหนังสือพิมพ์แท็บลอยด์รายสัปดาห์ของอังกฤษที่มียอดขายสูงสุด
เป็นเจ้าแห่งข่าวฉาวที่มีสีสันสุดฤทธิ์สุดเดช มีชื่อเสียงในเรื่องการขุดข่าวลับของคนดังมาแฉแบบไม่เกรงอกเกรงใจ
ไม่ว่าจะเป็นคนชั้นไหนในสังคม
บรรดาคนดังที่เคยเป็นเป้าหมายของหนังสือพิมพ์ฉบับนี้มีตั้งแต่สมาชิกราชวงศ์
เจ้าชายแฮร์รี่ ซึ่งเคยถูกถ่ายภาพขณะเมาเหล้า, เดวิด
แบ็คแฮมกับข่าวชู้รัก, นักแสดงสาวเซียนนา มิลเลอร์, แบรด พิตต์ กับข่าวเตียงหัก, ข่าวเวนย์ รูนีย์ เที่ยวโสเภณี, ชู้รักของไรอัน
กิกส์ เป็นต้น
แต่ในที่สุด News of the World ก็เดินทางมาถึงวันสุดท้ายด้วยเหตุอื้อฉาวในกระบวนการทำข่าวของหนังสือพิมพ์เอง
หนังสือพิมพ์เล่มนี้ถูกเพ่งเล็งมานานแล้วว่าใช้วิธีผิดกฎหมายหาข่าวมาตีพิมพ์เพื่อสร้างยอดขายเพียงอย่างเดียวโดยไม่คำนึงถึงเรื่องศีลธรรมจริยธรรมและความเสียหายของบุคคลอื่น
ในปี 2006
ตำรวจมหานครลอนดอนจับกุมบรรณาธิการข่าวราชวงศ์ของ News of the World ในข้อหาดักฟัง voicemail ของบุคคลากรที่ทำงานใกล้ชิดกับราชวงศ์อังกฤษ
ส่งผลให้บรรณาธิการข่าวคนนี้ถูกจำคุก
แต่เรื่องแค่นี้ไม่ได้ทำให้กองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์เข็ดหลาบ
บรรณาธิการใหญ่ของ News of the World ยังคงใช้วิธีการทำงานเดิมๆ
คือให้นักข่าวใช้การดักฟังโทรศัพท์หาข่าวมาเขียนอยู่เรื่อยมา
ต้นปี 2011 ตำรวจลอนดอนเข้าสอบสวนการดักฟังโทรศัพท์ของ
News of the World อีกครั้ง คราวนี้สามารถรวบรวมคดีอื้อฉาวได้ถึง
20 คดี มีผู้เสียหายที่ถูกดักฟังกว่า 7,000 ราย
แต่เรื่องที่เป็นประเด็นขัดแย้งอย่างหนักก็คือการที่
News of the World ดักฟังโทรศัพท์กรณีที่อ่อนไหวมากในคดีเด็กหญิง Milly Dowler ชาวอังกฤษวัย
13 ปี
ซึ่งถูกลักพาตัวและฆาตกรรมในอังกฤษ เมื่อเดือนมีนาคม 2002
โดยนักข่าวได้แฮ็กเข้าไปยังกล่องรับฝากข้อความเสียง(voicemail) ในโทรศัพท์ของเด็กหญิงที่ถูกลักพาตัวเพื่อหาข่าว
แต่ปรากฎว่า voicemail เต็ม
นักข่าวเลยลบข้อความเก่าเพื่อให้ฟังข้อความใหม่ได้
การกระทำนี้ส่งผลให้หลักฐานประกอบคดีเสียหาย
และครอบครัวของเด็กหญิงเข้าใจผิดว่าเด็กหญิงยังมีชีวิตอยู่ (เพราะ voicemail มีการเปลี่ยนแปลง)
เรื่องนี้สั่นสะเทือนอารมณ์คนอ่านและกระบวนการยุติธรรมอย่างรุนแรง
หนึ่งในข่าวอื้อฉาวที่ทำให้หนังสือพิมพ์ขายดิบขายดี |
อีกเรื่องคือการแฮ็กเข้าไปใน voicemail ของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์วางระเบิดที่ลอนดอนในวันที่
7 กรกฎาคม 2005 รวมทั้งแฮ็กเข้าไปยังโทรศัพท์ของญาติของทหารอังกฤษที่เสียชีวิตในสมรภูมิต่างๆ
ซึ่งเกี่ยวกับความเป็นความตายของแต่ละชีวิต
เมื่อข่าวเหล่านี้ปรากฏออกมาจึงสร้างความไม่พอใจแก่สาธาณชนคนอังกฤษทั่วทั้งเกาะทำให้สปอนเซอร์ต่างพากันถอนโฆษณาออกจากหนังสือพิมพ์เพราะกลัวเสียภาพลักษณ์
News Corporation ของมหาเศรษฐี Rupert Murdoch กลุ่มสื่อยักษ์ใหญ่คือเจ้าของบริษัท News of the World โดยซื้อกิจการมาตั้งแต่ปี
1969 (หนังสือพิมพ์ฉบับแรกตีพิมพ์เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 1843)
ท่ามกลางความขัดแย้งอื้อฉาวอย่างหนักเกี่ยวกับหนังสือพิมพ์เล่มนี้
ในที่สุด เจมส์ เมอร์ด็อค (James Murdoch) ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของรูเพิร์ต ซึ่งเป็นผู้บริหารนิวส์คอร์ปก็ตัดสินใจประกาศยุติกิจการของ
News of the World
โดยหนังสือพิมพ์ฉบับสุดท้ายบริจาครายได้ทั้งหมดให้การกุศล
ในแถลงการณ์ของหนังสือพิมพ์ รูเพิร์ต เมอร์ด็อคยอมรับความผิดพลาดทั้งหมดของ
News Corporation ว่าไม่ได้หยุดยั้งการกระทำผิดของพนักงานหลังจากเกิดคดีในปี
2006 และประกาศว่ายินดีที่จะให้ความร่วมมือกับตำรวจในการสืบสวนคดีนี้เป็นอย่างเต็มที่
...
ข่าวใหญ่ประจำปี 1997 ของชาวอังกฤษ |
ข่าวไมเคิล แจ็คสันลาโลก |
นั่นคือเรื่องสำคัญที่สุดในวงการสื่อที่เกิดขึ้นในปี
2011
วันนี้...หนังสือพิมพ์อื้อฉาวฉบับสุดท้ายนั่นอยู่ในมือฉันในสภาพใหม่เอี่ยม
เป็นเล่มสุดท้ายที่หนาพิเศษถึง 68 หน้า และยังคงเอกลักษณ์เดิมของนิวส์
ออฟ เดอะ เวิลด์ คือมีหนังสือซัพพลีเมนต์เล่มเล็กๆและใบปลิวโฆษณาสินค้าแทรกอยู่ข้างใน
หน้าปกหนังสือมีข้อความสั้น ง่าย และชัดเจนที่สุดว่า
THANK YOU & GOODBYE
After 168 years, we finally say a sad but very proud
farewell to our 7.5m royal readers.
พื้นหลังของหน้ากระดาษคือภาพหนังสือพิมพ์ฉบับเก่าๆกองซ้อนทับกันอยู่เต็มทั้งปกหน้าและปกหลัง
บก.แต่ละเซ็คชั่นต่างก็เขียนอำลาแฟนๆของตัวเอง...มีอารมณ์โศกเศร้าคละเคล้าอยู่กับความจองหองเป็นปกติของคนหนังสือพิมพ์
สิ่งที่น่าสนใจที่สุดภายในเล่มก็คือ การรวบรวมเอาปกหนังสือพิมพ์ฉบับสำคัญในประวัติศาสตร์การพิมพ์ของนิวส์
ออฟ เดอะ เวิลด์ มาโชว์ ตั้งแต่เล่มแรกที่วางตลาด
ซึ่งยังเป็นระบบการเรียงพิมพ์แบบโบราณ
ตัวหนังสือเล็กจิ๋วเรียงกันเป็นพรืดเต็มหน้าไปหมด
ไม่มีภาพประกอบแม้แต่ภาพเดียว
เทียบกับประวัติศาสตร์หนังสือพิมพ์ของไทยก็น่าจะรุ่นเดียวกับหนังสือพิมพ์
บางกอกรีคอร์เดอร์ซึ่งตีพิมพ์ฉบับแรกในวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2387(ค.ศ.1844)
คิดดูก็แล้วกันว่าเก่าแก่ขนาดไหน
ฉบับที่รายงานข่าวเรือไททานิกอัปปาง |
ส่วนหนังสือพิมพ์ฉบับแรกของโลก คือ A Weekly News London ของอังกฤษ เป็นการรวบรวมข่าวรายวันมาพิมพ์ออกจำหน่ายเป็นรายสัปดาห์เสนอข่าวที่เกิดขึ้นในภูมิภาคยุโรป(ค.ศ.1622)
ขณะที่หนังสือพิมพ์รายวันของจริงเกิดภายหลังในปี 1702 ชื่อ The Daily Courant
นิวส์ ออฟ เดอะ เวิลด์ เริ่มมีภาพประกอบข่าวช่วงต้นศตวรรษที่
20เป็นภาพวาดลายเส้นเล่าเหตุการณ์เกี่ยวกับข่าวสำคัญ ฉบับวันที่ 12 เมษายน 1912
รายงานข่าวเรือไททานิกอับปางอย่างละเอียดขึ้นหน้า 1
รวมทั้งเหตุการณ์ที่พระเจ้าจอร์จที่ 6 เสด็จสวรรคคตในปี 1952
และเปิดศักราชใหม่ในการขึ้นครองราชย์ของสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2
หนังสือพิมพ์แทบลอยด์เล่มนี้เริ่มพิมพ์ 2 สีในปี 1984
จากนั้นก็พัฒนาเข้าสู่ยุคหนังสือพิมพ์สี่สีเต็มรูปแบบราวปี
1991ประสานรับกับสีสันของข่าวสารที่เข้มข้นล้วงลึกชีวิตคนดังมากขึ้นทุกขณะ
2 ทศวรรษสุดท้ายของนิวส์ ออฟ เดอะ เวิลด์
เต็มไปด้วยเรื่องราวของอื้อฉาวของกระบวนการทำงานข่าว ที่สนุกตื่นเต้นสำหรับคนในกองบรรณาธิการ
สนองตอบความอยากรู้อย่างเห็นของคนอ่านอย่างถึงพริกถึงขิง
สุดท้ายคนทำงานเพลิดเพลินจนก้าวข้ามเส้นแบ่งที่เหมาะสมระหว่างความเป็นส่วนตัวของปัจเจกกับเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ
สิ่งที่เกิดขึ้นกับ News of the World
ท้าทายยิ่งนักในยุคที่สื่อหนังสือพิมพ์กำลังเดินเข้าสู่ทางตันของธุรกิจสิ่งพิมพ์ในยุคดิจิทัลมีเดียที่ประชาชนมีส่วนร่วมในการสร้างข่าวของพวกเขาเอง
....
ปกหลังฉบับอำลาวงการ |
หมายเหตุ : เป็นบทความเก่าเมื่อครั้งที่ยังทำงานอยู่ในเครือมติชน แต่เห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญในประวัติศาสตร์สิ่งพิมพ์อยากก็บบันทึกไว้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น