ที่แคชเมียร์
‘เวลา’ เคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้าเหมือนชีวิตผู้คน
ยกเว้นเสียงแตรรถยนต์บนท้องถนนที่มีการจราจรจอแจแล้ว
ดูเหมือนทุกอย่างจะดำเนินไปแบบเอื่อยช้า สงบ สันโดษ ไม่มีห้างสรรพสินค้า
สตาร์บัคส์ หรือฟาสต์ฟู้ด
พ้นจากย่านจอแจกลางเมือง ในตรอกซอกซอยของย่านพักอาศัยชาวบ้านจะพึ่งพาสองขาแทนยานพาหนะ
ไปสุเหร่า ไปตลาด ไปโรงเรียน ไปเที่ยวเล่นฯลฯ
บนผิวน้ำเหนือทะเลสาบดาล ชีวิตยิ่งเคลื่อนไหวช้าไปกว่าจุดอื่น
ด้วยใบพายรูปหัวใจของ เรือชิคารา ที่พาผู้โดยสารเที่ยวท่องไปในความเงียบ
งาม กลางภวังค์ฝันที่แยกโลกวุ่นวายสับสนข้างนอกออกไปจากสรวงสวรรค์เหนือผืนน้ำแห่งนี้
‘ดาล เลค’ ไม่ใยดีกับกับสิ่งใดนอกจากขับขานบทกวีแห่งความสุขและความทุกข์ของมันเองตามฤดูกาลที่ผันแปร
ทั้งวันที่อากาศแจ่มใส วันฟ้าหม่น วันที่มีฝน หรือเมื่อหิมะตก
อารมณ์ของผืนน้ำผันแปรไปตามปรากฏการณ์รายรอบที่มีทั้งความแจ่มใส
เริงร่า หม่นเศร้า เหงา อ้างว้าง เดียวดาย...บางวันใต้ฟ้าผืนเดียวกัน
แต่อารมณ์ทะเลสาปก็แปรปรวนไปตั้งหลายหน้า
เป็นเสน่ห์ในธรรมชาติที่มนุษย์ไม่มีปัญญาไปปรุงแต่ง
‘ดาล’ ในภาษาถิ่นหมายถึงทะเลสาป
คนรถและไกด์จึงเรียกทะเลสาปน้ำจืดของพวกเขาทั้งหมดว่า ดาล
ทั้งที่ความจริงแล้วดาลเลคในศรีนาคาประกอบด้วยทะเลสาปถึง 4
แห่งเชื่อมต่อถึงกันหมดและมีทางน้ำออกไปยังแม่น้ำเยรุม(Jhelum) แหล่งน้ำขนาดมหึมานี้เป็นที่รองรับหิมะที่ละลายไหลมาจากส่วนปลายของเทือกเขาหิมาลัยในฤดูร้อน
ทะเลสาปทั้งหมดนี้บางแห่งเป็นแอ่งน้ำแคบยาวแนบอยู่กับชุมชนเมือง
มีเรือบ้านแบบเกสต์เฮาส์ราคาถูกในบรรยากาศจอแจไว้บริการ
บางแห่งเป็นแอ่งใหญ่นอกเมืองสำหรับใช้ทำกิจกรรมรองรับการท่องเที่ยวโดยเฉพาะ
มีเกาะกลางน้ำ มีร้านอาหาร มีสวนผัก สวนดอกไม้ให้ไปเที่ยวชม
รวมทั้งการเล่นเรือหลากหลายประเภท และสกีน้ำ
แต่ที่ ทะเลสาปนาร์จิน(Nargin) นั้น
สงวนไว้เฉพาะรองรับคนเดินทางที่ต้องการความสงบเพื่อการพักผ่อนอย่างแท้จริง
ที่นี่จึงไม่มีเสียงอื่นใดนอกจากเสียงพึมพำของธรรมชาติคลอเคล้าอยู่กับลมหายใจของสายน้ำที่สงบนิ่งและเงียบงัน
ถึงขนาดที่ผิวน้ำแทบไม่สะเทือนให้เห็น หากไม่มีชิคารา(Shikara) สักลำผ่านมาท่ามกลางความเงียบ
ความสงบ สันโดษ
ในผืนน้ำเรียบราวกระจกเป็นความงามที่ต้องไปสัมผัสด้วยตัวเองเท่านั้นจึงจะซึมซับอารมณ์ที่แท้จริงของภวังค์สุขนั้นได้
เมื่อได้พบประสบการณ์นั้นหัวใจเราก็จะอ่อนโยนลง
และหัวใจดวงเดียวกันนี้ก็อดไม่ได้ที่จะร่ำร้องหาสันติแทนชาวแคชเมียร์ทั้งมวลที่อยู่ท่ามกลางการแย่งชิงอำนาจการปกครองระหว่างฝ่ายอินเดียและปากีสถาน
เรือชิคารา
เป็นเรือพายมีที่นั่งบุนวมหุ้มผ้านั่งสบายสำหรับผู้โดยสารที่ออกแบบตกแต่งสีสันสดใสสวยงามสไตล์แคชเมียร์ในลักษณะเรือแท็กซี่ผสมผสานกับเรือพ่อค้าเร่
หนุ่มบางคนพายเรือบริการเพียงเดียวดาย บางลำมีคู่หูเป็นเพื่อนมาด้วย
ในเวลาที่ไม่ต้องการให้ชิคาราเป็นแท็กซี่พวกเขาก็จะเก็บเบาะลงคลุมผ้าไว้มิดชิด แล้วก็แทนที่ลำเรือนั้นด้วยสินค้าสารพันที่จะเร่ขายไปตามเรือบ้านที่เรียงรายอยู่รอบทะเลสาป
ผ้าคลุมไหล่พาชมีน่า เครื่องประดับหินสี พลอยอ่อน เปเปอร์มาร์เช่
เสื้อผ้า กระเป๋า เครื่องหนัง รวมทั้งพรมทอมือ สินค้าขึ้นชื่อของท้องถิ่น
...
ฤดูท่องเที่ยวที่สวยงามสะดวกสบายและอากาศแจ่มใสที่สุดของแคชเมียร์คือฤดูร้อน
เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมไปจนถึงเดือนสิงหาคมซึ่งท้องฟ้าจะโล่งแจ้งสว่างไสว
อากาศเย็นสบายกำลังดีคล้ายกับฤดูหนาวในบ้านเรา โดยเฉพาะในตอนกลางคืนอุณหภูมิประมาณ
25 องศากลางวันราว 35 องศา ฤดูกาลนี้ท้องทุ่งกว้างใหญ่ของแคชเมียร์จะเขียวขจี
น้ำในแม่น้ำลำธารใสแจ๋ว ไม่มีฝนกวนใจ
และไม่หนาวเย็นเกินควรสำหรับคนที่ทนอากาศหนาวมากๆไม่ไหว
ช่วงที่ฉันไปเที่ยวกลางเดือนเมษายนนั้นเป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิแล้ว
ฟ้ายังอุ้มฝนอยู่บ้าง บนภูเขาสูงที่มีธารน้ำแข็งหรือเกลซิเออร์หิมะเริ่มละลายกลายเป็นสายน้ำน้อยๆไหลซอกซอนหินผาเลียบไปตามไหล่ทาง
ได้ยินเสียงสายลมหวู่หวิวอยู่ตามช่องเขา อากาศทั่วไปเย็นฉ่ำโดยเฉพาะยามค่ำคืนและเช้าตรู่
เรายังต้องสวมโอเวอร์โค้ทกันอยู่
เดือนนี้ดอกไม้ป่ากำลังผลิบานเต็มท้องทุ่งปกคลุมเทือกเขาสุดลูกหูลูกตา
โดยเฉพาะพืชที่สร้างชื่อเสียงมากมายในดินแดนแถบถิ่นนี้คือมัสตาร์ดดอกสีเหลืองอร่ามบานงามอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง
อากาศเย็นสบายอุณหภูมิประมาณ 11-23 องศา
แม้กลางลำน้ำอากาศจะหนาวเย็นกว่าบนผืนดินแต่คนเรือชิคาราของเราก็ไม่ต้องสวมเสื้อผ้าขนสัตว์หนาเตอะแล้วเขาใช้เสื้อคลุมผ้าฝ้ายเนื้อหนาตัวยาวสวมทับเสื้อตัวในอีกที
เขามาพร้อมกับสิ่งของประจำกายสองอย่าง หนึ่งในนั้นคือ มอระกู่ หรือ ชิชา ซึ่งฉันรู้จักดีว่าเป็นยาสูบชนิดหนึ่งของชาวอาหรับ
ส่วนอีกอย่างเป็นเตาถ่านเล็กๆบรรจุอยู่ในตะกร้าหวายทรงบาตรพระที่สานอย่างแน่นเหนียว
เขาวางตะกร้าเตาถ่านไว้ข้างหน้าใกล้ๆตัว มือหนึ่งถือพาย
อีกข้างจับขวดมอระกู่สูดควัน
พอฉันหันไปเห็นและสนใจขอให้เขาแอ็คชั่นถ่ายรูป
เขาก็วางพายพาดขวางลำเรือแล้วถือสิ่งของคู่ใจทั้งสองชนิดขึ้นมาวางบนลำไม้พาย สูดควันมอระกู่อีกเฮือก
ยิ้มให้กล้อง
กลิ่นหอมของผลไม้และเปลือกไม้บางชนิดกรุ่นกำจายอยู่ในอากาศระหว่างที่เรือลอยลำอยู่กลางทะเลสาป
เขาบอกเราว่ายาเส้นที่ใช้จุดมีกลิ่นหอมมากก็เพราะนำมาบดผสมกับเนื้อผลไม้ตากแห้ง
เมื่อสองสามปีก่อนมอระกู่เป็นที่นิยมมากตามผับบาร์ในหมู่วัยรุ่นบ้านเราเพราะผู้คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าการสูบมอระกู่ให้พิษภัยน้อยกว่าบุหรี่แถมยังมีสรรพคุณชูกำลัง
ทั้งที่มอระกู่นั้นมีโทษมากกว่าบุหรี่ถึง 6 เท่า การสูบมอระกู่
1 ห่อเท่ากับสูบบุหรี่ถึง 20 มวนเลยทีเดียว
พิษภัยอันร้ายแรงนี้ทำให้ต้องตรากฎหมายลงโทษคนสูบไว้สูง มีโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท
แต่ก็ยังมีคนฝ่าฝืนลักลอบสูบกันอยู่
ฉันบอกเขาว่ารู้จักมอระกู่
แต่ไม่รู้ว่าเตาถ่านเล็กๆนั่นใช้ประโยชน์อันใด
“This is my winter wife!”
อะไรนะ? พวกเราต่างงุนงงกับ “เมียหน้าหนาว”
ของเขา
เขายิ้มอีกครั้งและทำท่าสาธิตให้ดูว่าทำไมเตาน้อยในตะกร้าหวายนี้ถึงได้กลายเป็น
‘winter wife’ ไปได้
ถ้าเราไม่ได้นั่งอยู่บนเรือลำน้อยที่เสี่ยงต่อการเอียงคว่ำ
เขาก็คงจะลุกขึ้นยืนแล้วยัดตะกร้าเตาถ่านนั้นไว้ในพุงให้เราเห็น
เป็นเช่นนั้นเอง เตาถ่านในตะกร้านี้คือฮีทเตอร์เคลื่อนที่ประจำตัวผู้ชายทุกคนนั่นเอง!
ในฤดูหนาวไม่มีใครก้าวออกจากบ้านโดยไม่อุ้มเพื่อนยากใส่พุงไปด้วย
มันเป็นเพื่อนแสนอบอุ่นที่พวกเขาสามารถพกพาไปไหนต่อไหนได้ทุกหนทุกแห่งตลอดวันในเสื้อคลุมยาวลักษณะคล้ายพระอุ้มบาตรที่เราคุ้นตาในเมืองไทย
ด้วยเหตุนี้มันจึงถูกตั้งฉายาว่า ‘winter wife’
เตาถ่านนี้ช่วยให้อุ่นนานไม่ต้องสะท้านจับไข้อยู่ในความแปรปรวนรวนเรของอากาศ
การปรุงไฟเติมถ่านนั้นจะอุ่นน้อยอุ่นมากหรืออุ่นนานแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญของแต่ละคนเหมือนงานศิลปะกันเลยทีเดียว
เพราะเตาจะติดตัวออกไปตั้งแต่เช้าตรู่ ต้องไม่ร้อนเกินไป ไม่หนักเกินไป
และต้องทำให้ไฟในเตาอุ่นระอุเพียงพอสำหรับการอยู่กลางแจ้งตลอดวันประมาณ 8-10
ชั่วโมงเลยทีเดียว ที่สำคัญมันต้องปลอดภัยพอที่จะไม่ไหม้ตัวเอง
ความชาญฉลาดของในการอยู่รอดมนุษย์นี่เองที่ทำให้โลกอารยะมาได้ถึงปานนี้
ดาลเลคในความทรงจำที่ลืมไม่ลงของฉันจึงเป็นเรือชิคาราลำนี้ที่ขับขานบทกวีภายในใจอยู่เงียบงันบนทะเลสาปที่เรียบใสราวกระจก
ปล่อยให้เราเคลื่อนผ่านกาลเวลาอีกวัน...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น