วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

จดหมายเปิดผนึก ฉบับที่ ๒ ถึงนายกรัฐมนตรี

กราบเรียน ฯพณฯ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
เรื่อง ขอให้สอบสวนขบวนการสร้างเขื่อนฮุบที่ดินริมทะเลศรีราชาเอื้อกลุ่มทุน

สืบเนื่องมาจากหนังสือร้องเรียนฉบับที่ ๑ ตามลิงค์ข้างล่างนี้

ขอขยายความเพิ่มเติมเพื่อความกระจ่างยิ่งขึ้น ดังนี้




๑.ในอดีตของเมืองศรีราชาซึ่งเป็นเมืองน่าอยู่ เป็นที่ตั้งของพระจุฑาธุชราชฐาน พระราชวังในสมัยรัชกาลที่ ๕ (เกาะสีชัง) สำหรับประทับแรมทางทะเล เป็นชุมชนชายทะเลโบราณ รอบอ่าวเป็นที่ตั้งหมู่บ้านประมงริมฝั่งทะเลอยู่อาศัยมานานหลายร้อยปี โดยจะมองเห็นเกาะลอยเด่นสง่ามีสะพานเป็นตัวเชื่อมแผ่นดินกับตัวเกาะ เห็นเรือนน้ำแหลมฟานของท่านเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี(ปัจจุบันคือร้านอาหาร Grand seaside) และสภาพชุมชนชาวทะเลยังเป็นแบบดั้งเดิมตามวิถีชีวิตของคนท้องถิ่น




๒. จนกระทั่งเมื่อวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ นายพงษ์ศักดิ์ ปรีชาวิทย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรีเป็นประธานในที่ประชุมเห็นชอบอนุญาตเอกชน บริษัทเดอะสุพีเรีย โฮลดิ้ง จำกัด ให้สร้างท่าเทียบเรือบริเวณหน้าดินกรรมสิทธิ์ของบริษัทไมโคคลอรีน จำกัด ซึ่งบริเวณใกล้เคียงนั้นเป็นชุมชนชาวประมงที่ประกอบอาชีพเลี้ยงหอยแมลงภู่และทำประมงชายฝั่งมาช้านาน










 ๓ .ปี ๒๕๕๗ หลังจากได้รับอนุมัติสร้างท่าเทียบเรือแล้ว ประมาณเดือนมีนาคม ๒๕๕๗ มีรถแบ๊คโฮลุยเข้ามาทำการขุดดินบริเวณริมอ่าวแหลมฟาน สร้างความสงสัยแก่ประชาชนที่พักอาศัยบริเวณนั้น เมื่อชาวบ้านสอบถามว่าทำอะไร คนงานบอกแค่ว่าเป็นคำสั่งของของ สว.คนหนึ่ง ให้สร้างเขื่อนกันคลื่นเซาะชายฝั่ง แต่โดยภาพรวมแล้วเป็นโครงการเขื่อนกินงบประมาณเอื้อประโยชน์เจ้าของท่าเทียบเรือมากกว่า ซึ่งประชาชนชาวศรีราชาที่ได้รับความเดือดร้อนและเห็นความไม่ชอบมาพากลของโครงการดังกล่าว ได้ส่งเรื่องร้องเรียนไปยังหลายหน่วยงาน ทั้งศูนย์ดำรงธรรมที่กรุงเทพมหานคร และ ร.๒๑ ชลบุรี และร้องเรียนโดยตรงต่อทางจังหวัดชลบุรี ตามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วย ได้แก่ กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมเจ้าท่า แต่ทุกอย่างเงียบเชียบไม่มีการตอบรับแต่อย่างใด ทั้งที่การอ้างสร้างเขื่อนกันคลื่นดังกล่าวทำให้เกิดกระบวนการฮุบที่ดินริมทะเลเชื่อมต่อหน้าโฉนดของเอกชนดังกล่าวอย่างเห็นได้ชัด 
 ๔. ตอนเริ่มโครงการสร้างเขื่อนซึ่งใช้งบประมาณที่เป็นภาษีอากรของรัฐ มีการเร่งทำงานทั้งกลางวันและกลางคืนเพื่อหนีน้ำทะเลขึ้นลงตามธรรมชาติ ดึกดื่นเพียงใดถ้าน้ำลงก็ต้องรีบทำไม่คำนึงถึงมลพิษทางเสียงที่จะรบกวนชาวบ้านที่ต้องพักผ่อนตอนกลางคืนจากเสียงรถปูนเข้าออกในที่ของกลุ่มทุนที่ได้รับประโยชน์จากการสร้างเขื่อนดังกล่าว เมื่อชาวบ้านสอบถามไปทางสำนักงานเทศบาล ทางเทศบาลก็ตอบแบบเขลาๆ ว่าไม่รู้เรื่อง เป็นโครงการของทางจังหวัด สอบถามไปยังกรมเจ้าท่า ชลบุรี ทางหน่วยงานก็บอกว่าไม่รู้ ไม่ได้อนุญาต


๕. แต่ในที่สุดการก่อสร้างได้เริ่มขึ้นด้วยการเทฐานราก ฝังตอม่อ ถมดินลงไปในทะเลตามแนวเขื่อนที่ปักเสาไว้ในทะเลทำให้เจ้าของที่ดินได้พื้นที่เพิ่มยื่นยาวออกไปจนชนแนวเขื่อนกันคลื่น และไม่เพียงเท่านั้นปัญหาที่ส่งผลกระทบผิดธรรมชาติตามมาคือ โดยปกติคลื่นจะสลายไปเอเป็นเช่นนี้มางตามวิถีคลื่นลมเนิ่นนาน แต่ตอนนี้คลื่นที่ซัดมากระทบกับตอม่อเขื่อนได้สะท้อนกลับไปกระทบเสาบ้านของชาวบ้านบริเวณแหลมฟาน ทำให้เสาบ้านได้รับความเสียหายจำนวนมาก ชาวบ้านจึงรวมตัวกันร้องเรียนไปยังศูนย์ดำรงธรรม จ. ชลบุรี ซึ่งท่านผู้ว่าฯได้ส่งโยธาจังหวัด นายอำเภอศรีราชา กรมเจ้าท่า ให้ลงมารับเรื่องร้องเรียน











๖.ปัจจุบันการก่อสร้างเขื่อนดำเนินการแล้วเสร็จ ทั้งที่ไม่มีหน่วยราชการใดยอมรับว่าได้อนุญาตให้ก่อสร้าง แต่กลับผลาญเงินงบประมาณของจังหวัดไปเรียบร้อยแล้ว และผลที่ได้คือการเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มนายทุนอย่างชัดเจน โดยขณะที่ถมดินทำเขื่อนนั้น เอกชนได้รีบเร่งก่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียม “มารีน่า เบย์ ฟร้อน” ซึ่งเปิดขายจนเกือบจะร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว ส่วนที่ดินงอกบริเวณติดกับแนวเขื่อนกันคลื่น ทางเอกชนได้เผยแพร่เอกสารการขายว่าจะสร้างเป็นโรงแรมโนโวเทลศรีราชา ซึ่งขณะนี้กำลังศึกษาโครงการอยู่ เข้าใจว่าอยู่ระหว่างขออนุมัติให้ผ่านกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อม   






๗. ข้อสงสัยที่ต้องไขความกระจ่างคือ เดอะสุพีเรียโฮลดิ้ง ฝ่ายเอกชนเป็นผู้สร้างท่าเรือเพื่อประโยชน์ของบริษัทในปี ๒๕๕๕ แต่ต่อมาในปี ๒๕๕๗ ทางจังหวัดชลบุรีกลับใช้งบประมาณท้องถิ่นสร้างเขื่อนกันคลื่นเพื่อต่อเชื่อมระหว่างสะพานเทียบเรือเอกชนที่สร้างเสร็จกับสถานที่ตั้งคอนโดมิเนียมที่กำลังดำเนินการอยู่



๘. การถมดินในทะเลตามแนวกันคลื่นได้ขยายหน้าดินของเอกชนให้มีข้ออ้างที่จะสร้างอาคารสูงชิดติดทะเลหลังใหม่ได้อีก คือ โครงการโรงแรมโนโวเทลสูง ๒๘ ชั้น เรื่องนี้ถูกต้องชอบธรรมหรือไม่ เพราะการถมดินและการสร้างเขื่อนใช้เงินภาษีประชาชน ขอความกรุณาให้ สตง.เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวด้วย

๙. ขอให้ตรวจสอบการก่อสร้างโครงการมารีน่า เบย์ ฟร้อนท์ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นตึกสูงถึง ๓๒ ชั้น อยู่ติดทะเลเกือบชิดแนวเขื่อน(ตามภาพในโบรชัวร์) เป็นทัศนียภาพอุจาดทำลายภูมิทัศน์อ่าวศรีราชาอย่างชัดเจนนั้นได้รับอนุญาตให้ผ่านกฎ EIA มาได้ถูกต้องชัดเจนตามมาตรฐาน EIA ,EHIA หรือไม่ หากมีการร่วมกันกระทำทุจริต ขอให้ดำเนินการคืนความสุขและความเป็นธรรมในสังคมต่อชาวเมืองศรีราชด้วย

จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา

ด้วยความเคารพอย่างสูง
นางสาวสุมิตรา จันทร์เงา
๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๘




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น