วันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

“เสม็ด” กับ หาดทราย... ไวน์... พระจันทร์


ความฝันไม่มีต้นทุน แต่ใครบางคนอาจต้องจ่ายด้วยราคาทั้งชีวิตเพื่อคว้าจับเพียงหนึ่งฝัน
            ความรู้สึกพิเศษบางอย่างวาบขึ้นระหว่างเรือโดยสารหันหลังให้บ้านเพ แหวกระลอกคลื่น บ่ายหน้าไปหาเกาะเบื้องหน้า
            อาจจะเป็นเพราะสายลม หรืออาจเป็นกลิ่นทะเลที่โชยมาจนรู้สึกถวิลหาอาหารโอชารสสดใหม่จากห้วงสมุทรที่รอคอยอยู่เบื้องหน้า
            หรืออาจจะเป็นเพราะความเบิกบานของเพื่อนร่วมทางหนุ่มสาวที่พกความสุขมาเต็มกระเป๋า ล้นทะลักไปถึงสุนัขร่วมทาง จนถึงอุปกรณ์สื่อสารประจำตัวซึ่งทำหน้าที่ไร้ขีดจำกัดในการแจ้งข่าว พิกัด จุดหมาย และภาพถ่ายไปยังบุคคลอื่นๆในเครือข่ายมิตรภาพ
            ฉันรู้สึกถึงความเยาว์วัยเคลื่อนผ่านเข้ามาในชีวิตอีกครั้ง กับการเดินทางเดียวดายที่มีเป้าหมายเพียงหาดทราย ไวน์ และดนตรี
            หนังสือของฟรานเซส เมเยส อยู่ในมือ แต่แสงจ้าของดวงตะวันก็ดึงดูดเกินกว่าจะจ่อมจมอยู่กับตัวอักษรบนหน้ากระดาษ
            อดนึกสงสัยไม่ได้ว่าแสงตะวันของทัสคานี่จะแรงร้อนเจิดจ้าเท่าที่นี่ไหมหนอ
            ธรรมชาติแห่งผืนพิภพนี้ช่างมหัศจรรย์นัก เพียงแค่หันหลังออกมาจากที่ราบลุ่มภาคกลาง เม็ดฝนก็เหมือนถูกพรากจากหมู่เมฆไปหมดสิ้น
            การกลับมาเยาว์วัยอีกครั้งของความรู้สึกภายใน ช่างน่าพิศวง เหมือนรสชาติของมะนาวที่แทรกอยู่ในน้ำผึ้งหอมหวานเจือด้วยโซดาราดบนน้ำแข็งเย็นฉ่ำชุ่มใจ
            นี่เองสิ่งที่ใครๆปรารถนา ชีวิตที่ไม่ต้องแบกอะไรไว้ และเข็มนาฬิกาไม่มีความหมายอีกต่อไป
            ....
           
           



            ในที่สุดฉันก็ได้กลับมายืนอยู่บนผืนทรายเดิมอีกครั้งพร้อมความทรงจำข้ามกาลเวลากลับมาทักทายหยอกเย้า
            คงไม่มีช่วงเวลาใดจะเบิกบานใจเท่ากับวัยนักศึกษาผู้กำลังแสวงหาโลกแปลกใหม่อีกแล้ว
ความฝันยามที่พอลลูชั่นยังไม่แต้มแต่งชีวิตเป็นสีสวยสดใส ไม่มีสิ่งใดเป็นจริงไม่ได้ ไม่มีอะไรยากเกินกว่าจะพิชิต ไม่มีอะไรผิด ไม่มีอะไรถูก สำหรับเพื่อนแล้วพวกเขาอยู่เหนือสิ่งอื่นใด
เพื่อนสาวเจ็ดชีวิตต่างถิ่น ต่างภูมิภาค ข้ามทะเลมาด้วยความตื่นเต้นกับเศษเงินที่เหลือในกระเป๋าคนละไม่กี่บาท แต่ทรายก็ขาวละมุนเนียนละไมเกินกว่าจะกังวลถึงเรื่องอื่น
อยู่กับเพื่อนที่ถูกคอถูกใจเราอิ่มเสมอ กินอะไรก็ได้ ไม่มีอะไรกินก็ได้ ถึงเวลานอนเพื่อนไม่นอนก็ไม่ต้องนอนด้วยกัน มิตรภาพในวัยหนุ่มสาวนั้นจึงเปี่ยมล้นไปด้วยความอ่อนไหวและเปราะบางเพราะมันโยงใยไว้ด้วยสายสัมพันธ์ของอารมณ์ที่พร้อมจะแปรปรวน
หลายคนจึงไม่อาจรักษามิตรภาพวัยเยาว์เหล่านี้ได้ จนกระทั่งเมื่อชีวิตตกผลึกถึงได้รู้สึก...เสียดาย...แสนเสียดาย
ใช่แล้ว มันน่าเสียดายยิ่งนักที่เรายินยอมให้อดีตกลืนกินอนาคต ยอมให้ความรู้สึกบริสุทธิ์งดงามถูกกลบฝังไปใต้ผืนทรายและน้ำทะเล
แต่มิตรภาพก็เหมือนทุกสิ่งบนโลกนี้ที่ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน มันเกิดขึ้นได้ก็ตายได้ มันสูญหายไปก็แสวงหาใหม่ได้เรื่อยๆ ในนาทีที่เท้าสัมผัสกับผืนทรายอีกครั้งฉันก็มีเพื่อนใหม่เพิ่มขึ้นมาหลายสิบคน
...


สุดหาดลุงดำเราข้ามเนินเขาท้ายเกาะข้ามฟากไปดูตะวันลับฟ้า        
ความงดงามที่แฝงฝังไว้ด้วยความลี้ลับและสีสันตระการตาเป็นฉากอลังการของการปิดม่านฟ้าที่ละลายหัวใจผู้คนได้เสมอ แม้แต่คนที่หยาบกระด้างที่สุดหรือกระทั่งมหาโจร
หลายชีวิตนั่งละเลียดอารมณ์ภายในที่เคลื่อนผ่าน รอคอยแสงสุดท้ายลับตา ฉันนึกถึงเรื่องราวสดใหม่ที่เพิ่งได้ยินมาบนเกาะแห่งนี้ หญิงสาวมากประสบการณ์เจ้าของรีสอร์ตกับความรักต่างวัยที่ไม่อาจเป็นจริงระหว่างเธอกับลูกจ้างต่างแดนจากประเทศที่ไม่มีทะเล
ฉันจินตนาการถึงภาพเหตุการณ์ซ้ำๆที่น่าจะเป็นฉากเริ่มต้นในนิยายสักเรื่อง
หญิงสาวกับชายหนุ่มนั่งเคียงกันบนโขดหินในแสงสีทองของยามเย็น ชิดใกล้จนแทบสัมผัสตัว แต่ไม่มีใครยินยอมให้แขนแตะแขน มือกุมมือ กระทั่งวันสุดท้ายก่อนที่เขาจะจากไป เป็นเธอเอง-หญิงสาวนายจ้างที่จับมือเขา สัมผัสเดียวนั้นเปลี่ยนแปลงชีวิตเขาและเธอไปตลอดกาล แต่มันกลับมิใช่เรื่องพาฝันที่จบลงด้วยความสุขแสนหวานอย่างที่คาดหวัง...
ค่ำคืนของการมาเที่ยวกลุ่มใหญ่เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอย อาหารอร่อย คืนสำราญ และความเบิกบานใต้ดวงดาวด้วยดนตรีวงพิเศษและนักร้องรับเชิญซึ่งรวมตัวกันขึ้นด้วยหัวใจรักดวงเดียวที่มีต่อเสียงดนตรี
เพลงสารพัดรูปแบบแล้วแต่แนวถนัดของนักดนตรี โดยเฉพาะแนวบอซซ่าขับจังหวะคลื่นยักย้ายส่งเสียงไปตามอารมณ์เพลงตั้งแต่หัวค่ำยันดึกดื่น ข้ามคืนสู่วันใหม่
ค่ำคืนแห่งดนตรีบอกฉันว่าไม่มีข้อจำกัดใดอยู่เหนือความสามารถและความฝันของผู้คน
ฉันเห็นความสุขของ หนึ่ง อาบใบหน้าท่วมท้นมาถึงคนฟังที่ใจจดใจจ่ออยู่กับเพลงของเขา เสียงของหนึ่งนุ่มและหนักแน่น เนื้อเสียงสะกดคนฟังได้ในทุกท่วงทำนองและแนวเพลง ซึ่งเขาทำได้ดีราวกับมืออาชีพ
ในยามปกติหนึ่งเป็นเพียงพนักงานเสิร์ฟประจำร้านอาหาร ทำทุกอย่างที่ถูกเรียกใช้ เมื่อหมดเวลางานความสำราญเล็กๆอยู่ที่การดื่มกิน เป็นเพื่อนร่วมก๊งวงเหล้าเดียวกับนายจ้างจนกลายเป็นเพื่อนของลูกค้า
ในร้านอาหารเดิม หลายปีผ่านไปเสียงของหนึ่งตรึงใจผู้คนมากมาย แต่ความฝันของเขาไม่ใหญ่เกินไปกว่าร้านอาหารแห่งนั้น เขายังสนุกกับการเป็นเด็กเสิร์ฟ ยังรักที่จะเป็นลูกจ้างของเจ้านายคนเดิมที่ดูแลเขาราวกับน้องชายคลานตามกันออกมา
หนึ่งจะมีความสุขมากยามที่ได้ขึ้นเวทีตามเสียงเรียกร้องของผู้ฟัง แม้ในมือจะถือแก้วเหล้าแต่เสียงของเขาก็ไม่มีตก หนึ่งทำได้ดีเสมอเพราะเขาทำมันด้วยหัวใจ เขาใช้หัวใจร้องเพลง
ทุกเพลงของหนึ่งจึงเป็นเพลงพิเศษที่ไพเราะทุกครั้ง ถึงจะจำเนื้อได้ไม่หมด หรือร้องผิดคีย์ แต่มันก็ยังเป็นคีย์ที่มีสไตล์แบบตัวเขาเอง
ตอนที่หนึ่งอยู่บนเวทีพร้อมกีตาร์ตัวเก่งในมือ สาบานได้ว่าถ้าไม่รู้จักเขามาก่อนคุณจะไม่มีทางรู้เลยว่านี่คือเด็กเสิร์ฟธรรมดาคนหนึ่ง
ความฝันของหนึ่งก็เหมือนเด็กหนุ่มทัวไป มีงานทำ มีเงินใช้ มีแฟนสวย และมีความสุขเหมือนตอนที่เขาได้ร้องเพลงบนเวที ก็แค่นี้เอง
ฝันของหนึ่งอาจจะต่ำสำหรับคนที่สูงส่งกว่า แต่ความสุขของเขาเต็มเปี่ยม
...



อั๋น”-ศิริพงษ์ โพธิ์ศิริ ก็เป็นอีกคนที่ใช้หัวใจร้องเพลง
โดยอาชีพอั๋นเป็นนักดนตรี เขาเขียนเพลงทั้งเนื้อร้องและทำนองให้นักร้องดังมาหลายคนแล้ว เช่นเพลง กาแฟ ที่เขาแต่งให้กับ วัชระ ปานเอี่ยม แนวเพลงอินดี้ ง่าย สื่อความหมายตรงไปตรงมาแต่ให้อารมณ์ลึกซึ้ง

กาแฟสักถ้วยให้สมองและหัวใจ บินไปในที่ๆต้องการ
หนังสือสักเล่มเสียงเพลงคลอตาม หยุดพักการเดินทางไว้ก่อน
                   * หอมละมุนมิตรภาพช่างอบอวล เย้ายวนให้ยินดี
                   หัวใจเมื่อก่อนมันเต้นถี่แต่ตอนนี้มันเริ่มเต้นช้าลง
รอบตัวฉันบรรยากาศช่างแสนดี อารมณ์ดีอย่างเนี้ยะ ! ฉันสุขใจ
เอนกายลงนั่งปล่อยใจให้ผ่อนคลาย สบายๆ ฮืม...ที่เดิม
                    ที่ๆจินตนาการพบแรงบันดาลใจสะสมไว้ในถ้วยความทรงจำ
                   หอมกรุ่นจะดื่มสักกี่ครั้งความทรงจำ ในถ้วยโปรด
           
ความฝันของอั๋นคือการทำเพลงชุดเครื่องดื่มสารพัดชนิดออกมาเป็นอัลบั้มนับตั้งแต่เขารู้จักเกาะเสม็ดและแต่งเพลง เสม็ด เอาไว้เมื่อปี 2532 ตั้งแต่ยังหัวเกรียน นุ่งขาสั้น นับแต่นั้นอั๋นสะสมเพลงเกี่ยวกับเครื่องดื่มได้นับสิบ
คืนนั้น...เขาทำให้พื้นที่ความสุขในหัวใจของทุกคนเต็มเปี่ยมด้วยเพลง หาดทราย ไวน์ พระจันทร์ อันสุดแสนโรแมนติกของเขาเอง

ฟ้าคืนนี้   ดูคล้ายจะมีพระจันทร์  โผล่มา ทักทายดาวบนฟ้า  ที่รออยู่
ฉันก็รอ  รอพบพระจันทร์คืนนี้  เช่นกัน นับเวลาถอยหลัง เพื่อคุยกับพระจันทร์
ออกเดินชมฟ้ามาที่หาดทราย  จิบไวน์นั่งรออาทิตย์เข้านอน
ส่งยิ้ม  เชิญลม  ให้มาเคียงคู่ข้างหัวใจ ลมจ๋า ฉันขออะไรหน่อยได้ไหม
ฉันอยากให้ลมทะเล ช่วยพัดพาใจฉันลอยเลียบหาดทราย
ขอคลื่นเย็นๆคลายร้อน  ผ่อนคลาย   ด้วยฟ้ากำลังสิ้นแสง วันนี้
ดีใจจริงจริง  เมื่อรู้ว่าจะได้เจอกับเธอ โอ้...  พระ...จันทร์
ช่างเป็นค่ำคืนงดงาม   ดุจภาพฝัน  นะเออ.....

อั๋นเป็นบอกว่าเพลงนี้สอนให้เขาเป็นคนพิถีพิถันมากขึ้น ต้องศึกษาเรื่องไวน์อยู่เป็นปีๆ และดื่มอย่างเมามายยาวนานกว่าจะได้แรงบันดาลใจจนเขียนเพลงเสร็จ เหมือนกับเพลง ประสาเหล้า ซึ่งมาจากชีวิตจริงของเขาที่เป็นนักดื่มจัดช่วงเล่นดนตรีกลางคืน
อั๋นมักจะพูดกับหลายคนว่า  "ถ้าผมเศร้าผมจะไม่กินเหล้า" พอพูดจบเขาก็จะรดเหล้าเพียวๆใส่กล่องเสียงจนชุ่มชื่นฉ่ำใจ
แปลกนัก ทำไมเหล้าและความเมามายจึงเป็นแรงบันดาลใจอันแสนวิเศษของเหล่าศิลปิน แปลกนักที่การเดินทางของฉันมักจะพัวพันกับการกินดื่มเสมอ...





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น