ก่อนจะโบยบิน
.........
จะเล่าเรื่องไปเที่ยวเมืองโอซาก้าสู่กันฟัง
เพราะเพื่อนหลายคนอยากตามรอยมนุษย์ป้าฉายา “หัวใจสาวในร่างชรา” คนนี้
ที่ไม่เจียมสังขารดันคิดจะแบกเป้ไปเที่ยวในช่วงวัยที่หนังเหี่ยวพุงย้อยใกล้หมดสภาพแล้ว
เรื่องนี้ต้นเหตุมาจากตอนต้นเดือนมิถุนายน ๕๘ “จุ๋ม” @Boondharik
Sanpha-asa น้องรักอักษรทับแก้วรุ่น ๑๒ ส่งไลน์กรุ๋งกริ๋งมาถามว่า
“พี่...หนูมีตั๋วโอซาก้าราคาถูกอยู่....(เลขสี่หลัก)
อยากเอาไหม เดินทางวันที่...”
แค่ได้ยินตัวเลขราคาตั๋วเครื่องบินเท่านั้นแหละยัยป้าปลาพยูนกระโดดตีลังกาเกลียวหนึ่งรอบงับไว้เลย
ทั้งที่ยังไม่รู้ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนกันบ้างหรือจะไปกันไปกี่คน
กรุณาอย่าถามราคาตั๋วเพราะคงไม่มีใครซื้อให้ได้อีกแล้ว
น้องสาวเราหามาได้ก็เพราะลูกชายเธอเปิดบริษัททัวร์ชื่อ Max Tour ซึ่งกำลังเป็นทัวร์ดาวรุ่งพุ่งแรงของบคนรุ่นใหม่วัยโจ๋อยู่ที่จังหวัดอุดรธานี
บวกกับวิธีแลกแต้มจากคะแนนสะสมแอร์เอเชียของเธอและเพื่อนในทีม
โดยเฉพาะคุณนิด @Suchada
Lee ซึ่งไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นน้องสาวของคุณวสันต์ ภัยหลักลี้
อดีตเพื่อนร่วมงานที่เคยสนิทสนมกันกับป้าปลาพยูนเพราะเข้ามาทำงานหนังสือพิมพ์มติชนรุ่นเดียวกัน(โลกนี้กลมจริง)
เอาล่ะพอได้ตั๋วมาแล้วรายละเอียดก็ค่อยๆเผยออกมาว่าเราจะมีสมาชิกร่วมทีมกันไป
๑๒ คน หญิง ๙ ชาย ๓ และหนึ่งในนั้นคืออาจารย์ถิ่น @Suteera Apinyaเพื่อนเลิฟอักษรทับแก้วรุ่นเดียวกันของยัยป้าปลาพยูนแต่เราช่วยกันปิดบังไม่ยอมให้เธอรู้ว่าป้าอ้วนจะไปด้วย(เรื่องนี้ทำเอาเธอตาเหลือกตอนป๊ะหน้ากันที่สนามบิน)
ส่วนแผนการเที่ยวนั้นเสียงส่วนใหญ่มีมติว่าเราจะหาข้อมูลเที่ยวกันเอง
แยกกันเดินบ้าง ตามก้นกันบ้าง แล้วแต่ว่าใครถูกจริตกับสิ่งไหน โดยจะแชร์ห้องพักกันในย่านที่เดินทางสะดวก
หลังจากคอนเฟิร์มตั๋วภายใน ๑
สัปดาห์นั้นก็ต้องรีบหาห้องพักกันจ้าละหวั่นเนื่องจากช่วงที่เราเดินทางนั้นเมืองโอซาก้ามีงานเทศกาลฤดูร้อนใหญ่ยักษ์ประจำปี
คือเทศกาล Tenjin Matsuri ซึ่งจะมีผู้คนเป็นล้านๆทั้งคนญี่ปุ่นและต่างชาติแห่กันมาเที่ยวชมงาน
...
เอาล่ะซี เจอปัญหานี้เข้า
ที่พักหายากมากและราคาแพงแน่นอน
นี่ก็เป็นโจทย์ใหญ่สำหรับการเที่ยวกันเองที่พวกเราอยากประหยัดงบประมาณ
ดังนั้นจึงต้องคิดวางแผนกันให้ละเอียดรอบคอบเพื่อจะให้เสียค่าที่พักและค่าเดินทางสมเหตุสมผลที่สุด
คุ้มค่ากับราคาที่ต้องจ่ายที่สุด
จะได้มีเงินเหลือไปกินเที่ยวชมโน่นดูนี่ให้สบายใจหน่อย
เพราะไหนๆก็ได้ตั๋วเครื่องบินถูกแล้วจะได้มีเงินไปฟุ่มเฟือยกับรสนิยมส่วนตัวของแต่ละคนกันอย่างเต็มที่
แต่ก็เป็นที่รู้กันว่าการไปท่องเที่ยวในญี่ปุ่นนั้นค่าใช้จ่ายแพงที่สุดมีอยู่สองอย่างคือที่พักและค่าเดินทาง
ต้องขอบคุณ @คุณนิด
ผู้เสียสละเวลามากมายในการหาข้อมูลและวางแผนที่พัก-การเดินทางให้
รวมทั้งออกแบบวิธีการซื้อตั๋วให้พวกเราได้ใช้อย่างคุ้มค่าเงินที่สุดในฐานะที่เธอเคยมาทำงานวิจัยในญี่ปุ่นหลายเดือนและเชี่ยวชาญการขึ้นล่องแถบคันไซ
โอซาก้า-เกียวโต ชนิดที่เป็นหูตาให้เราได้ทั่วถึง
บอกได้เลยว่าทริปนี้ถ้าไม่มีคุณนิด
บรรดาลูกเป็ดหลายคนในคณะมีหวังเคว้งคว้างอยู่กลางเมืองโอซาก้านั่นเอง
เรามีโจทย์สำคัญในการหาที่พักคือ
ต้องหาให้ได้ใกล้กับสถานีรถไฟนัมบะ(Namba Station) มากที่สุด
เพราะนัมบะเป็นชุมทางสถานีรถไฟใหญ่ของโอซาก้า
รถไฟสายหลักๆของเมืองทั้งสายรัฐบาลและเอกชนต่างมาชุมนุมกันที่นี่หรือไม่ก็เป็นต้นสายปลายทางเลย
จุ๋มกับคุณนิดวางแผนการเดินทางจากสนามบินคันไซเข้าเมืองเผื่อไว้ ๒ แผนคือ
แผนแรกนั่งรถไฟสายนานไก(Nankai Electric Railway) จากสนามบินเข้าไปลงสุดสายที่นัมบะเลย แต่รถไฟขบวนสุดท้ายจะออกเวลา ๒๓.๒๙
น. มีแนวโน้มว่าเราจะไม่ทันเพราะเที่ยวบินที่จองได้เวลาเดินทางไม่สวยนัก
แลนดดิ้งที่โอซาก้าเกือบ ๕ ทุ่ม เราต้องหาทางไปให้ถึงชานชาลารถไฟและซื้อตั๋วให้ทัน
ซึ่งมีทั้งความเป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้
ดังนั้นจึงต้องสำรองแผน ๒ คือนั่งรถ Shuttle Bus จากสนามบินคันไซเข้าเมือง
เพราะรถบัสจะมีจนถึง ๐๑.๐๐ น.
และถ้าหากมีผู้โดยสารตกค้างที่สนามบินเยอะมากทางเจ้าหน้าที่ก็จะจัดรถมาบริการให้เพียงพอจนสามารถส่งทุกคนเข้าเมืองได้ครบถ้วน(รักบ้านเมืองญี่ปุ่นตรงนี้แหละ
ตรงที่เขามีระเบียบวินัยเคร่งครัดแต่ไม่ยอมให้ระเบียบกติตามาข่มเหงให้คนเสียประโยชน์สุขได้)
ทั้งรถบัสและรถไฟมีจุดหมายปลายทางที่สถานีนัมบะ
ที่พักก็ไม่ควรไกลเกินกว่าระยะก้าวที่สามารถมีแรงเดินถึง
เพราะต้องคำนึงว่าดึกดื่นปานนั้นการสังเกตุทางจะยากกว่าเวลากลางวัน
แถมเรายังนั่งอุดอู้อยู่บนเครื่องบินมานานกว่า ๕ ชั่วโมง
คงอยู่ในสภาพที่ไม่สมประกอบสักเท่าไหร่
พอสรุปเรื่องการเดินทางจากสนามบินได้เรียบร้อยก็ต้องไปแก้โจทย์เรื่องที่พักราคาพอเหมาะแก่เงินในกระเป๋าซึ่งหากยากแสนยากต่อ
......
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น