คืนพระจันทร์เต็มดวง
ผู้หญิงที่เป็นเพื่อนรักสามคนนั่งคุยกันริมทะเลสาบ
พวกเธอต่างมีลูก ลูกของเธอเป็นเพื่อนกัน
พวกเธอต่างมีสามี สามีของเธอรู้จักกัน
กลางฟ้าพระจันทร์เต็มดวงฉายแสงนวลเอิบอาบ
เป็นคืนที่พระจันทร์สวยจัด สะท้อนเงาให้เห็นอีกดวงอยู่บนผิวน้ำกว้างของบึงใสที่เกิดจากการขุดดินไปทำสนามกอล์ฟ
บัดนี้กลายเป็นแหล่งรับน้ำธรรมชาติของชุมชนและเสริมภูมิทัศน์ ริมสนามกอล์ฟให้งดงาม
ริมบึงฝั่งทิศตะวันตกเป็นร้านอาหารที่มีวิวตระการตาที่สุดเมื่อเทียบกับร้านอาหารชั้นดีระดับเดียวกันของหมู่บ้าน
บริเวณร้านกว้างขวางทอดยาวขนาบตามทะเลสาปในแนวเหนือใต้
เป็นร้านอาหารที่เน้นพื้นที่เปิดโล่งเกือบทั้งหมด
โต๊ะเก้าอี้สีขาววางเรียงรายแนบอยู่กับน้ำ มีการเล่นระดับจัดวางเพื่อเปิดรับวิวรอบด้านเกือบรอบตัวไม่มีใครบังใคร
โต๊ะเก้าอี้อีกกลุ่มจัดวางแนบชิดอยู่กับผืนน้ำบนแพไม้ที่ต่อยื่นลงไปแนบไอเย็น
บรรยากาศโล่งกว้างแสนสบาย รายรอบด้วยพื้นที่สีเขียวของสนามกอล์ฟและไม้ใหญ่เขียวชอุ่มของบ้านริมน้ำหลายหลังที่เหลือรอดมาจากมหาอุทกภัย
ลมเย็น อากาศดี มีโอโซนมากที่สุดของแถบนี้ เวลานั่งอยู่ริมบึงจึงคล้ายกับกำลังนั่งอยู่ริมทะเลหัวหิน
ไม่มีสิ่งใดบดบังสายตาเมื่อมองออกสู่ผืนน้ำเวิ้งว้าง
…
ผู้หญิงทั้งสามคนรักบรรยากาศที่นี่ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันไป
คนหนึ่งหลงใหลในรสชาติอาหารฝีมือพ่อครัวเอกที่ไม่เคยทำให้ผิดหวัง
ทุกครั้งที่เธอมานั่งที่นี่ไม่ว่าจะกับใคร อาหารจานโปรดมักเป็นเมนูเดิมเสมอ ปลากะพงนึ่งมะนาว ปลากะพงพิโรธ ทะเลเต้น ข้าวผัดปลาเค็ม
กุ้งอบวุ้นเส้น และ ผัดผักบุ้งไฟแดง
คนหนึ่งชื่นชอบในบรรยากาศร้าน คืนพระจันทร์เต็มดวงเธอมักมาที่นี่แม้จะต้องนั่งคนเดียว
คราวหนึ่งในฤดูฝนดาวตกเธอถึงขนาดขอร้องให้ทางร้านเปิดบริการต่อไปจนข้ามคืนและขอให้ปิดไฟหมดทุกดวงเพื่อรอคอยทัศนาสะเก็ดดาวร่วงหล่นมาเป็นบรรณาการ
เธอมักจะสั่งแต่จานผัก จำพวกส้มตำปูม้า
คะน้าฮ่องกงผัดน้ำมันหอย ผักบุ้งไฟแดง แต่เมนูโปรดร่วมกับเพื่อนที่ไม่แตกต่างคือ
ปลากะพงพิโรธ
อีกคนไม่เรื่องมาก ใครชื่นชอบอะไรเธอร่วมวงด้วยหมด
เมื่อมากินอะไรกันเธอไม่เคยออกปากเลือกสิ่งใด
เพราะความสุขของเธอไม่ใช่อาหารแต่เป็นความผูกพันแห่งมิตรภาพที่เริ่มต้นถักทอมาตั้งแต่เด็กเล็กๆสามคนยังอยู่ในวัยอนุบาล
บนโต๊ะอาหารคืนนี้มีปลากะพงพิโรธรสจัดจ้านวางอยู่คู่ผักบุ้งไฟแดงและข้าวผัดปลาเค็มจานหนึ่ง
เบียร์อีกขวด
พร้อมกับความสำราญ
....
ผู้หญิงสามคน ผู้ชายสามคน
และเด็กวัยรุ่นสามคน มีชะตากรรมร่วมกันระหว่างสามเดือนสุดท้ายของปี ๒๕๕๔
เด็กมัธยมทั้งสามจำเป็นต้องใช้ชีวิตอพยพหลบภัยในบ้านเช่าห่างน้ำ
นอนอยู่เฉยๆในห้องอุดอู้อย่างว่างเปล่าไม่มีอะไรทำถึงสองเดือนเต็ม โรงเรียนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการเพิ่มเวลาเรียนในแต่ละวันรวมทั้งวันหยุดสุดสัปดาห์เพื่อให้ได้ชั่วโมงสอนครบถ้วนตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ
มันสมองของเด็กๆแทบระเบิด ทุกคนอารมณ์ขึ้งเครียดด้วยความกังวลกับความรู้ที่ครูยัดใส่ในสมองด้วยความตั้งใจดีแบบไม่มีจังหวะพัก
การบ้านสุมหัว การสอบเก็บคะแนนถี่ยิบ
โลกของวัยรุ่นที่ปั่นป่วนด้วยฮอร์โมนหนุ่มสาวหกคะเมนตีลังกาอาละวาดฟาดหางใส่ทุกคน
อาหารอร่อยเลิศเหมือนเดิม แม้ครัวชั่วคราวจะไม่มีที่ทางพรั่งพร้อมด้วยอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกในการทำครัวเหมือนเดิม
ร้านอาหารเพิ่งฟื้นตื่นจากหายนะ ตู้เย็นสี่หลังแม้จะหุ้มด้วยถุงกันน้ำอย่างดีแต่ก็ไม่รอด
บางหลังถึงน้ำจะไม่ซึมเข้าแต่ความอับชื้นก็สร้างหยดน้ำให้เกิดอยู่ภายในกลายเป็นบ้านแสนสบายของเชื้อรามหาศาลกัดกินชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกส์ทุกซอกมุม
โต๊ะเก้าอี้จมน้ำทรุดโทรมเพิ่งจะทาสีใหม่ ห้องครัวของร้านพังพินาศจนต้องหนีออกมาตั้งเตาอยู่ริมบึง
กลายเป็นครัวแบบเปิดที่พ่อครัวโชว์ฝีมือผัดทอดให้ทุกคนชมแบบไม่มีปิดบังเคล็ดลับ ช่วยเรียกน้ำย่อยได้ดีนัก
ผู้หญิงทั้งสามคนล้วนมีชะตากรรมไม่แตกต่างจากสภาพของร้านอาหารโปรดปราน
พวกเธอนั่งปรับทุกข์เงียบๆ
อาบแสงจันทร์ ปลากะพงพิโรธร้อนๆควันกรุ่นโอชารสแผ่รสชาติของชีวิตอยู่ตามปุ่มรับรส
จัดจ้านแต่นุ่มนวล หอมกรุ่นเครื่องเทศอวลไปรอบโต๊ะ กลิ่นพริก กระเทียม กระชาย
พริกไทยดำ น้ำปลาดี เป็นกลิ่นเผ็ดร้อนโอชาของอาหารไทยที่ไม่มีสิ่งใดในโลกมาเทียบได้
ชีวิตของพวกเธอเปี่ยมล้นรสชาติเหมือนอาหารจานนี้
ที่ปรุงจากปลากะพงที่ยังว่ายน้ำอยู่ในบ่อพัก นั่นคือเคล็ดลับหนึ่งเดียวของความอร่อยที่มาพร้อมกับราคาอันคุ้มค่าของมัน
ผู้หญิงสามคนนั่งสนทนากันเงียบๆ
ลูกๆอยู่ที่บ้านเพราะยังทำรายงานไม่เสร็จ
สามีน่ะหรือ? พวกเขาล้วนเป็นส่วนเกินของชีวิต
นี่คือบทสนทนาบางส่วนของพวกเธอ
ผู้หญิงคนที่ ๑
“บ้านฉันยังรกอยู่เลย ตั้งแต่น้ำลดเพิ่งจะเคลียร์ขยะและล้างบ้านเสร็จ
ตอนนี้ข้อนิ้วกับข้อมือรวมทั้งข้อศอกเดี้ยงไปแล้วเพราะยกของหนักเกินไป
หมอบอกว่าถ้าไม่รีบรักษาจะเป็นหนัก มันคืออาการเริ่มแรกของโรคข้อเสื่อม
นี่เป็นมาตั้งเดือนกว่าแล้วยังไม่หายเจ็บเลย และเธอรู้ไหมสามีฉันเขาปล่อยให้ฉันกู้บ้านคนเดียว
ตั้งแต่หาคนมาเก็บขยะ ล้างบ้าน ขนของ ไปติดต่อขอไฟเข้าบ้านก็เป็นฉัน
เขาบอกว่ารับไม่ได้กับสภาพบ้านที่เห็น แล้วก็อ้างว่าเดินทางกลับบ้านลำบากเพราะต้องทำงานแถวสุวรรณภูมิโน่น
ตอนน้ำลดเขาเข้าบ้านมาพร้อมกับเครื่องปั๊มน้ำตัวหนึ่งเท่านั้นเองแล้วก็หายหัวไปนอนอยู่แถวที่ทำงาน
อีกวันเขาเอาเงินมาให้สามหมื่น บอกว่านี่เป็นเงินให้ยืมเอาไว้ใช้ช่วงนี้
พอฉันขายรถได้ให้เอาเงินมาใช้คืนเขาด้วย”
ผู้หญิงคนที่ ๒
“เธอยังโชคดีกว่าฉันตั้งเยอะ ผู้ชายที่บ้านของฉันเขาแค่ส่งเครื่องปั๊มน้ำมาแต่ตัวไม่ยอมมาด้วยเขาเลือกที่จะอยู่ในสนามกอล์ฟมากกว่า
มีแค่เครื่องปั๊มน้ำกับช่างสองคน
ฉันก็ต้องไปขอต่อไฟฟ้าเอง ซื้ออุปกรณ์ล้างบ้าน หาทีมงานมาทำความสะอาดเอง เขาบอกฉันว่าว่าบ้านของใครคนนั้นก็ต้องซ่อมเอาเองไม่เกี่ยวกัน
ไม่สนว่าบางเวลาเขาก็ยังอยู่ที่นี่กินนอนที่นี่และเราก็ยังเป็นครอบครัวเดียวกัน
เขาเลือกที่จะหลบไปนอนคอนโดในเมืองของเขาสบายพุง
ออกรอบตีกอล์ฟเกือบทุกวัน ตอนหลังคงคิดได้ว่าตัวเองหยาบคายเกินไปก็เลยเอาเงินมาให้ก้อนหนึ่งแชร์ค่าซ่อมบ้าน
แต่ฉันไม่นึกอยากได้แม้แต่บาทเดียวเลยนะเธอ ฉันอยากได้ผู้ชายในบ้านที่แข็งแรง
ไปติดต่อราชการให้ฉัน หาช่างมาซ่อมประตูรั้ว เป็นธุระไปจัดหาหาซื้อข้าวของอุปกรณ์ซ่อมบ้านที่ขาดตลาดไปเสียทุกสิ่ง
อยากเห็นเขาช่วยขุดดินเคลียร์ต้นไม้ตายซากในสวน
อยากให้มาช่วยกันออกความเห็นว่าเราจะรับมือกับน้ำรอบต่อไปยังไงดี
ชิท!”
ผู้หญิงคนที่ ๓
“เราก็เหนื่อยพอๆกันนั่นแหละ แต่ของเราเป็นคนละอย่าง
เขารักบ้านคนละแบบกับที่เรารัก เรารักบ้านแบบที่ต้องอยู่ให้สบาย แต่เขารักแบบหวงแหน
ดูแลเหมือนสมบัติล้ำค่า เราสองคนส่งลูกไปที่อื่นแล้วก็เลือกอยู่กับน้ำตลอดเวลาที่มันท่วม
กินนอนบนชั้นสองในความมืดเกือบสองเดือน
แม้จะมีเครื่องปั่นไฟแต่ก็ใช้น้อยมากเพราะต้องประหยัดน้ำมันสุดฤทธิ์ สุดท้ายเราก็ไม่รอดหรอก
ต้องออกจากบ้านมาเหมือนคนอื่นๆทุลักทุเล
หลังน้ำลดเราต้องกลับไปทำงานเกือบทุกวัน
เหนื่อยแสนสาหัส แต่เหนื่อยกายไม่เท่าไหร่หรอกนะเธอ มันเหน่อยใจนี่สิ เราแค่อยากมีพื้นที่สำหรับได้นอนดีๆให้หลับสบาย
ก็เสนอให้เขาหาช่างมาต่อเติมส่วนข้างบ้านเป็นเสาสูงทำห้องเล็กๆ ติดแอร์พอนอนได้พ่อแม่ลูกในระหว่างกำลังซ่อมบ้าน
แต่พวกเธอรู้ไหมเขาไม่เคยฟังเราเลย
มันไม่ใช่ปัญหาเรื่องเงินแต่เป็นเรื่องการใช้อำนาจของหัวหน้าครอบครัวเพียงอย่างเดียว
จนบัดนี้ระหว่างที่ช่างทำงานรื้อข้าวของฝุ่นตลบ เราก็ยังต้องนอนอัดกันเป็นปลากระป๋องอยู่บนชั้นสอง
ข้าวของที่กองอยู่เป็นภูเขายังอยู่เหมือนเดิมกับตอนน้ำท่วม
เราต้องปีนบันไดแทรกตัวเข้าไปในซอกเล็กๆ พอที่จะใช้นอนได้ เราอยากให้เขาอยู่ห่างๆ แบบสามีพวกเธอยังจะดีเสียกว่า...”
เดือนหงายลอยสูงอยู่เกือบกึ่งกลางฟ้า ปลากะพงพิโรธหายไปจากจานแล้ว
อีกสามเดือนน้ำอาจจะมาใหม่ แต่ทะเลสาบข้างยังมีน้ำปริ่มเต็มให้กริ่งเกรง
...
นั่นคือเหตุการณ์เมื่อ ๔ ปีก่อน
ฉันย้อนกลับมาอ่านเรื่องราวเหล่านี้โดยบังเอิญ และต้องบันทึกเพิ่มเติมว่า
ผู้หญิงคนที่หนึ่ง หลังจากซ่อมบ้านให้พออยู่อาศัยได้
เธอยังสามารถใช้ชีวิตร่วมกับสามีต่อไปได้ในฐานะเพื่อนร่วมโลกและเพื่อนร่วมบ้านแต่ยุติความสัมพันธ์ฉันท์ผัวเมียอย่างสิ้นเชิง
เพื่อรักษาสถานภาพให้ครอบครัวดำรงอยู่ต่อไปได้แต่ไม่ผูกพันทางกายและใจ
ผู้หญิงคนที่สอง หันหลังจากผู้ชายของเธอด้วยความเต็มใจที่จะแยกทางกันทั้งคู่
เพราะฝ่ายชายไม่ต้องการรับรู้และรับผิดชอบความยุ่งยากหลังจากเกิดน้ำท่วม
เขาออกจากบ้านจมน้ำไปพร้อมกับรถยนต์สองคันที่จดทะเบียนในชื่อของเขาเพื่อไปอยู่เพียงลำพังในคอนโดมิเนียมกลางเมืองของตัวเอง
ส่วนฝ่ายหญิงต้องกอบกู้บ้านไปเพราะมันเป็นทรัพย์สินของเธอ
ผู้หญิงคนที่สาม เพราะอดทนได้กว่าทุกคนชีวิตเธอจึงยังเหมือนเดิม...ทุกครั้งที่หงุดหงิด
เธอก็แค่ออกจากบ้านมากินปลากะพงพิโรธและข้าวผัดปลาเค็มที่ร้านริมทะเลสาบแห่งนั้น
และฉัน ยังรักชีวิตในแบบที่มันเป็นมาเสมอ
ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์
....